ความรู้โรคมะเร็ง
ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับมะเร็งผิวหนัง
มะเร็งผิวหนังคือเนื้อร้ายที่เกิดบนผิวหนังและเยื่อบุ เนื่องจากความผิดปกติของการเจริญเติบโต และการแบ่งเซลล์ของผิวหนังและเยื่อบุ มะเร็งผิวหนังมีหลายชนิด ที่พบบ่อย ได้แก่
- มะเร็งผิวหนังชนิดเบเซลเซลล์ (Basal cell carcinoma) เป็นมะเร็งผิวหนังที่ร้ายแรงน้อย เพราะเกิดบริเวณชั้นตื้นๆ
- มะเร็งผิวหนังชนิดสเควมัสเซลล์ (Squamous cell carcinoma) ลักษณะคล้ายกับมะเร็งบาซอล เซลล์ คาร์ซิโนมา การลุกลามมักเร็วกว่ามะเร็งชนิด บาซอลเซลล์ คาร์ชิโนมา มักจะลุกลามลงลึกสู่ด้านล่างของเซลล์ผิวหนัง ถ้าคลำดูผิวหนังด้านล่างมักจะพบว่าเป็นก้อนแข็งๆ
- มะเร็งผิวหนังชนิดเมลาโนมา (malignant melanoma) เป็นมะเร็งจากเซลล์เม็ดสี เมลานิน พบไม่บ่อย แต่มีความร้ายแรง เพราะสามารถกระจายเข้าสู่กระแสเลือดได้รวดเร็ว
มะเร็งผิวหนังอาจจะมีขนาดใหญ่ขึ้นช้าๆ และลุกลามเฉพาะที่ หรืออาจจะแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่นได้ด้วย เช่นต่อมน้ำเหลือง ส่วนมากจะพบในผู้ที่อายุมากกว่า 40 ปี(reference BPH 60 years) และพบในชายมากกว่าหญิง
ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรค
1.แสงอัลตราไวโอเลต (UVA,UVB) ดังนั้นผู้ที่ต้องทำงานกลางแดด เล่นกีฬากลางแจ้ง ชอบอาบแดด จะมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดมะเร็งผิวหนัง
2. เชื้อชาติ คนผิวขาว ผมสีบลอนด์ มีโอกาสเสี่ยงสูง เพราะมีเม็ดสีที่ผิวหนังน้อย ความสามารถในการป้องกันเซลล์ผิวหนังจากแสงอัลตราไวโอเลตจึงน้อยกว่าคนผิวคล้ำ
3.มีประวัติคนในครอบครัวเป็นมะเร็งผิวหนัง
4. ภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น HIV หรือได้รับยากดภูมิต้านทาน
5. ผิวหนังในบริเวณที่เคยได้รังสีรักษา
อาการที่ควรมาพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย
1.ดูบริเวณไฝที่เป็นว่ามีผื่นหรือก้อนที่โตเร็วกว่าปกติ หรือมีสีที่เปลี่ยนไป ขอบไม่เรียบ แตกเป็นแผล และมีเลือดออก
2.มีแผลเรื้อรังที่ไม่หาย
3.ผื่นเรื้อรัง
การตรวจวินิจฉัย
การรักษามะเร็งผิวหนังที่ดีที่สุดคือการค้นพบตั้งแต่แรกเริ่ม โดยต้องสำรวจร่างตายตัวเองให้ทั่วซึ่งต้องใช้กระจกและมือช่วย ถ้ามีข้อสงสัย ให้ปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อการวินิจฉัย ซึ่งทำได้โดยการตัดชิ้นเนื้อบริเวณที่สงสัย ส่งตรวจทางพยาธิวิทยา
การป้องกัน
1.หลีกเลี่ยงแสงแดด ใช้ครีมกันแดด SPF > 15
2.หลีกเลี่ยงภาวะระคายเคืองผิวหนัง
การบำบัดรักษามีดังนี้
มะเร็งผิวหนังระยะเริ่มต้น ใช้วิธีการผ่าตัดก็สามารถหายขาดได้ แต่หากเป็นมะเร็งระยะกระจายหรือมะเร็งผิงวหนังเมลาโนมา หลังผ่าตัดอาจต้องมีการใช้การฉายแสงหรือเคมีบำบัดร่วมได้
ลักษณะที่ทำให้สงสัยว่าเป็นมะเร็งผิวหนัง
- รอยโรคที่เป็นอยู่เดิมมีรูปร่างเปลี่ยนไป เช่น ไฝที่เป็นอยู่เดิมมีลักษณะเปลี่ยนไป คือ ลักษณะของไฝสองข้างไม่เหมือนกัน, ขอบของไฝไม่เรียบ, สีของไฝไม่สม่ำเสมอ และไฝมีขนาดโตมากกว่า 6 มิลลิเมตร
- รอยโรคมีอาการปวดหรือคัน แตกเป็นแผล และมีเลือดหรือน้ำเหลืองไหลออก
- มีรอยโรคเกิดขึ้นใหม่และไม่หายใน 4-6 สัปดาห์
- เป็นแผลเรื้อรังไม่หายภายใน 4 สัปดาห์
โดยสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการข้อมูลสุขภาพ หรือโทร.0 3825 9999