โรคหลอดเลือดหัวใจเกิดจากเส้นเลือดแดงที่หล่อเลี้ยงหัวใจตีบหรืออุดตันจากไขมัน เส้นเลือดจึงต้องทำงานหนัก เพื่อนำเลือดไปเลี้ยงหัวใจให้ได้เพียงพอ
อาการของโรคหลอดเลือดหัวใจ อาจจะรวมถึง
- เจ็บหน้าอก
- หายใจถี่
- ปวดแน่นหน้าอก
- ปวดขากรรไกร ปวดร้าวไปที่แขน
- ปวดแสบปวดร้อนตรงลิ้นปี่หรือท้องส่วนบน
- คลื่นไส้
- อาเจียน
- เหงื่อออกมาก
- หมดสติ
ใครบ้างที่เสี่ยงต่อโรคนี้?
ปัจจัยเสี่ยงที่ควบคุมไม่ได้ เช่น
- อายุ
- เพศชาย หรือหญิงในวัยหมดประจำเดือน
- ประวัติครอบครัวเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ
แต่ปัจจัยเสี่ยงส่วนใหญ่สามารถควบคุมได้ เมื่อท่านได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ ควรหันมาใส่ใจและปรับเปลี่ยน
ปัจจัยเสี่ยงที่ควบคุมได้ เช่น
- โรคความดันโลหิตสูง ความดันโลหิตสูงทำให้หัวใจทำงานหนักมากขึ้นในการสูบฉีดเลือด แรงดันเลือดสูงจะทำลายหลอดเลือดโดยตรง ทำให้รอยโรคก่อตัวง่ายขึ้น
- โรคเบาหวาน เบาหวานเกิดจากการสร้างฮอร์โมนอินซูลินไม่เพียงพอ หรือเนื้อเยื่อไม่ตอบสนองต่ออินซูลิน ทำให้น้ำตาลในเลือดสูงเกินไป จนไปทำลายหลอดเลือดและเส้นประสาท
- ภาวะไขมันในเลือดสูง ไขมันในเลือดสูงเกินไป จะก่อให้เกิดการตีบของหลอดเลือด
- การไม่ออกกำลังกาย การใช้ชีวิตที่ไม่ทำกิจกรรมหรือไม่ออกกำลังกายจะส่งเสริมให้เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจได้ง่ายขึ้น
- ภาวะอ้วน คนที่มีไขมันเกิน โดยเฉพาะอ้วนลงพุง มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ ถึงแม้จะไม่มีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ร่วมด้วยก็ตาม
การวินิจฉัยและรักษา
- วิธีวินิจฉัย โรคหลอดเลือดหัวใจ
- มีทางเลือกในการรักษาอย่างไรบ้าง?
- แนวทางการปฏิบัติตัวเมื่อเข้ารับการรักษา
- ความก้าวหน้าในการรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจ
- โครงค้ำยันหลอดเลือดชีวภาพเคลือบยาชนิดย่อยสลายได้
- ปัจจัยเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อน จากการทำหัตถการขยายหลอดเลือด
- ยาที่ใช้หลังการทำหัตถการขยายหลอดเลือด
- การปรับพฤติกรรมและวิถีการใช้ชีวิตสำหรับผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์หัวใจ โทร.1719